ข้าวกล่องหมื่นกล่อง มะ เเจ้สรุปให้

ฝั่งคนสั่งของบ้าง เธอพูดเเล้วพูดอีกว่ามีเอกสาร นักข่าวถามอะไรก็บอกว่ามีเอกสารทุกขั้นตอน ตอบหน้านิ่งมาก นิ่งในความมั่นใจ ว่ายังไงกูก็ไม่ผิด ไปดูสัญญาบ้าง สัญญาโหด คือจะรับงานนี้ต้องเสียค่าสัมปทาน 1 เเสน เเละเงินประกัน 2 เเสน งานยังไม่เริ่มเลย จ่ายไปเเล้ว 3เเสน! นอกจากนั้นถ้าส่งของไม่ครบ ไม่ตรงตามสัญญา เขายกเลิกสัญญาได้เลยพร้อมเรียกเงินได้

เห็นข้อมูลเเล้วคำถามในหัวชั้นคือ โรงงานอะไรมีคนทำงานหมื่นคน คือให้ส่งข้าวกล่องหมื่นกล่อง วันจันทร์-ศุกร์ ไข่ต้มหมื่นฟองทุกวันจันทร์กับศุกร์ เเละน้ำหมื่นขวดเสาร์อาทิตย์ โรงงานอะไร อันนี้เดี๋ยวนักข่าวคงไปขยี้มาให้เรา

เเต่สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ เเม่ค้าข้าวกล่องบอกว่าส่งของช้าเพียงครึ่งชั่วโมง อันนี้ต่างหากที่น่าสนใจ คนไทยเราเลทครึ่งชั่วโมง คนซื้อไม่กล้าโวยเเถมยังคิดว่าบุญเเล้วนะที่เลทเเค่นี้ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาจ่ายตังค์เเล้วเเยก

หลายคนในสังคมเราไม่ให้ความสำคัญกับเวลามากเท่าที่ควร
การตรงต่อเวลาเป็นการเเสดงความเคารพกันเเละกัน
เป็นการบอกทางอ้อมว่า
“ฉันเห็นคุณค่าเวลาชีวิตของคุณ ฉันจึงไม่ต้องทำให้คุณรอ”

เเต่วัฒนธรรมหยวนๆ เเบบสบายๆมันโอเคกับเรากันเอง เเต่พอต้องไปทำงานระดับสากล ความน่าเชื่อถือเราตกเหลือ 0 นะคะ เเค่ไปเลทเนี่ย

ความเป็นไปได้คือ คนซื้อใช้ความผิดแบบนี้ ที่เราว่าเล็กน้อย “ส่งของขาดนิด ไปส่งช้าหน่อย” เเต่รู้ว่ามันต้องเกิดขึ้นเเน่ๆ มาเเสวงหาผลประโยชน์ รวมกับรู้ด้วยว่าคนจำนวนมากไม่ชอบอ่านสัญญา เซ็นๆไปเพราะอยากได้สัมปทาน ดังนั้นเขาเเค่รอให้นับน้ำผิด รอให้ส่งของช้าเขาก็ได้เงินเเสนง่ายๆเเล้ว กรณีนี้สัญญาบอกว่าส่งของ 6.30-7.00 น. เเม่ค้าข้าวกล่องไปส่ง 7.30 น. ก็ถือว่าผิดสัญญาที่เซ็นไว้เเล้วจริง เเต่ถ้าเราเป็นเจ้าของโรงงานพนักงานมีเวลากิน 1 ชั่วโมงในการพัก ถ้าข้าวช้าไป 30 นาที มันเสียระบบหมดเลยนะ (เเต่ตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าโรงงานนี้มีอยู่จริงไหม)

คำถามคือ ถ้าไม่เลทก็โอเคใช่ไหม เเม่ค้าบอกไม่ ส่งน้ำหมื่นขวดไปก็ส่งมาคืนบอกว่าไม่ได้มาตรฐาน คือถามคือ หรือจะไม่ได้มาตรฐานจริง หรือเเค่อยากทำให้เขาดูผิดสัญญาอีก เรื่องนี้น่าจะได้อยู่ให้นักข่าวเล่นกันอีกหลายวัน

ข่าวนี้ทำให้เรารู้ว่าต้องอ่านสัญญาดีๆ เเละต้องเป็นมืออาชีพ ต้องให้ความสำคัญเรื่องเวลา

(1441)